หากถามว่าน้ำมันเบรกทำหน้าที่อะไรในระบบเบรก ทุกท่านคงทราบกันดีว่าในการหยุดรถยนต์ที่ความเร็วต่าง ๆ คนขับจะต้องเหยียบแป้นเบรก เพื่อให้รถหยุดตามต้องการ และเพื่อความปลอดภัย น้ำมันเบรกจึงเป็นตัวกลางที่ทำหน้าที่ส่งแรงดันจากแม่ปั๊มเบรกตัวบนไปกดลูกสูบเบรก จากนั้นลูกสูบก็จะไปกดผ้าเบรกลงไปที่จานเบรกเพื่อห้ามล้อให้หยุดหมุน
ดังนั้นการเหยียบเบรกแต่ละครั้ง แรงดันน้ำมันเบรกจึงสิ่งสำคัญที่ทำให้ระเบรกมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ความร้อนที่เกิดจากการเบรกแต่ละครั้งส่วนหนึ่งจะถูกถ่ายเทไปในอากาศ และจะมีส่วนหนึ่งถูกถ่ายเทมายังน้ำมันเบรก ซึ่งเมื่อสะสมมาก ๆ เข้า จนทำให้น้ำมันเบรกเดือดกลายเป็นไอ จะทำให้สูญเสียแรงดัน เป็นเหตุให้เบรกไม่อยู่ น้ำมันเบรกที่ดีจึงควรมีจุดเดือดที่สูงมากพอ แต่ไม่ว่าน้ำมันเบรกจะมีจุดเดือดสูงแค่ไหน ก็ยังมีตัวการสร้างปัญหาให้นั่นก็คือ น้ำหรือความชื้น ทั้งจากอากาศ หรือการลุยน้ำท่วนในหน้าฝน ซึ่งเป็นดัวฉุดให้จุดเดือดของน้ำมันเบรกต่ำลง และยังสร้างปัญหาให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของระบบเบรกอีกด้วย จนอาจบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาที่เกิดจากน้ำหรือความชื้นที่ผสมปนอยู่ในน้ำมันเบรก1. ผ้าเบรกจะไม่ถอยกลับ และจะเสียดสีกับจานเบรกอยู่ตลอดเวลาจนเกิดเสียงดังน่ารำคาญ |
|
วิธีตรวจสอบง่าย ๆ ว่ามีน้ำหรือความชื้นปนอยู่ในน้ำมันเบรกหรือไม่
1. สังเกตจากสีของน้ำมันเบรกที่เปลี่ยนไป หรือคราบสนิมบริเวณรอบ ๆ แม่ปั๊มเบรก กระบอกเบรก และคาลิเปอร์เบรก 2. ใช้เครื่องมือสำหรับตรวจวัดความชื้นน้ำมันเบรก ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด |
|
วิธีตรวจสอบง่าย ๆ ว่ามีน้ำหรือความชื้นปนอยู่ในน้ำมันเบรกหรือไม่
1. น้ำมันเบรกที่ปกติจะมีสีใส 2. น้ำมันเบรกที่ผิดปกติจะมีสีเข้มขึ้น แสดงว่ามีความชื้นปนอยู่ และจุดเดือด จะต่ำลง 3. น้ำมันเบรกที่ผิดปกติและเสื่อมสภาพแล้ว ซึ่งจะมีทั้งความชื้นและเศษฝุ่น ของซีลยางดำ ๆ ฉีดขาดผสมอยู่จนเป็นสีดำ |
2. น้ำมันเบรกที่มีความชื้นหรือน้ำผสมอยู่ 3. น้ำมันเบรกที่เสื่อมสภาพ จะมีชิ้นส่วนของซีลยาง ลูกยางเบรกผสม จนมีสีดำ
|
หลังฤดูฝนทุกครั้ง ขอแนะนำให้ท่านเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการหยุดรถ และเพื่อความปลอดภัยของ ตัวท่านเอง |