หลายๆ ท่านคงเคยพบปัญหาการเลือกสรรผ้าเบรกให้กับลูกค้าหรือแม้แต่การใช้งานเองก็ตาม เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าผ้าเบรกสำหรับรถ แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีรูปร่าง รูปทรงหน้าตาแตกต่างกันไป แล้วเหตุไฉนเล่าเมื่อพบผ้าเบรกที่หน้าตาเหมือนกันแล้ว ยังจะต้องมีผ้าเบรกให้ เลือกอีกหลายเกรด ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคำว่า “ เกรด ” ของผ้าเบรกไม่ได้หมายถึงว่าเกรดดี หรือไม่ดี เกรดสูง หรือ เกรดต่ำ แต่เป็นการแบ่งเกรดผ้าเบรก หรือ ประเภทเนื้อผ้าเบรกโดยพิจารณาจากคุณสมบัติ หรือ บุคลิกของตัวผ้าเบรกเป็นหลัก
บุคลิก หรือ คุณสมบัติในตัวผ้าเบรก มีหลากหลายประการ อาทิเช่น ระยะหยุด การทนความร้อน อายุการใช้งาน สภาพการกินจาน ฝุ่น สัมผัสเบรกซึ่งอาจรวมถึงราคา และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ผ้าเบรกแต่ละเกรดจะมีคุณสมบัติประจำตัวที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมา ใช้ในการผลิต ไม่มีผ้าเบรกเกรดใดที่ให้คุณสมบัติดีทุกอย่างรวมอยู่ในชุดเดียวกัน จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงต้องมีผ้าเบรกหลายเกรด ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ผ้าเบรกที่เหมาะสมที่สุด สำหรับลักษณะการขับขี่ของตนเอง เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการเปลี่ยนผ้าเบรกชุดใหม่แล้วผู้ขับขี่ จะเกิดความรู้สึกเปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับผ้าเบรกชุดเดิม เช่น อาจจะมีสัมผัสเบรกที่เปลี่ยนไป ระยะหยุดที่เปลี่ยนไป ฝุ่นที่มากขึ้นหรือน้อยลง สิ่งเหล่านี้จะทำให้ความรู้สึกผู้ขับขี่เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนผ้าเบรกชุดใหม่ หากเลือกผ้าเบรกที่ไม่เหมาะสมกับบุคลิกการขับขี่ของ ผู้ใช้งาน ผู้ขับขี่อาจจะไม่ประทับใจกับผ้าเบรกชุดที่เปลี่ยนไป
สำหรับ Bendix เองบุคลิกการขับขี่ และพฤติกรรมผู้ใช้งานเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ Bendix มีผ้าเบรกหลายเกรดเตรียมไว้ เพื่อรองรับการ ใช้งาน เช่น รุ่น “ เจเนอรัล ซีที” เหมาะกับการใช้งานโดยปกติ โดยข้อเด่นของเกรดนี้คือสัมผัสเบรกที่ดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นและไม่กินจาน รุ่น “เมทัลคิง ไทเทเนียม” เหมาะกับการใช้งานที่หนักกว่าปกติ มีข้อดีคือ ทนความร้อนได้สูง และมีอายุการใช้งานยาวนาน ส่วนรุ่น “อัลติเมท” เหมาะกับการใช้ในการแข่งขันหรือผู้ที่ต้องการสมรรถนะในการเบรกสูงสุด มีข้อดีคือ ให้ระยะเบรกสั้นที่สุด
นี่คือตัวอย่างส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าทำไมผ้าเบรกจึงต้องมีหลายเกรดให้ผู้ขับขี่เป็นผู้เลือกสิ่งที่เหมาะสมสำหรับตนเอง ดังนั้นพึง สำรวจความต้องการ และพฤติกรรมการขับขี่ตนเองให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกใช้ผ้าเบรกแต่ละเกรด |